Tanah Lot Temple
Tanah Lot เป็นวัดฮินดูที่สร้างอยู่บนหินกลางทะเล ห่างจากฝั่งเล็กน้อย จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงของชาวอินโดนีเซีย เป็นเสน่ห์แห่งบาหลี ถือว่าคืออีกหนึ่งสัญลักษณ์ของบาหลีก็คงไม่ผิด จะเห็นชาวบาหลีที่นับถือศาสนาฮินดูประกอบพิธีกรรมกันอย่างไม่ขาดสาย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทัวร์จีน รวมทั้งคนในท้องถิ่นเองต่างก็แวะเวียนมาเที่ยวชมความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น จะมีคนเข้ามาเที่ยวชมเยอะมากๆ สามารถไปเที่ยวชมได้ทุกช่วงเวลา ตอนกลางวันก็สวย ตอนเย็นก็เป็นอีกหนึ่งจุดสุดยอดที่ผู้คนนิยมมาชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกกันที่นี่
สองอาทิตย์ที่แล้วยังนั่งดูรูปวัดนี้ที่เว็บไซต์บาหลีอยู่เลย มีโอกาสมาเที่ยวบาหลีในช่วงสงกรานต์ เลยไม่พลาดที่จะมาชมความสวยงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง รู้สึกตื่นเต้นมากๆ การเดินทางวันนี้ใช้มอเตอร์ไซด์คะ ขับจากห้องพักย่าน kuta ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง กว่าจะมาถึงปากทางเข้าก็ทำเอาเหงื่อแตกพรั่ก เพราะด้วยอากาศที่ร้อนระอุ คนใช้รถใช้ถนนไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่เราก็มาถึงจนได้
ถึงแล้ว Tanah Lot Temple
หลังจากจอดรถที่บริเวณลานจอดรถแล้ว ถนนก่อนถึงจุดขายบัตร จะเดินผ่านร้านขายของฝากมากมาย มีทั้งสากกระเบือยันเรือรบ ผ้าคลุมไหล่นี่เห็นเกือบทุกร้าน มีลายสวยๆเยอะเลย และบางร้านยังมีบริการให้แลกเงินตราต่างประเทศอีกด้วย สำหรับสินค้าถ้าจะซื้อของไม่ว่าร้านไหนก็ตาม แนะนำว่าต้องต่อราคาให้ดี ถ้าต่อไม่ได้ให้ลองเดินออกมาทำเป็นจะไม่เอา สองสามก้าวรับรองจะมีเสียงเรียกตามหลัง ฮาว มัช ดู ยู ว้อน ทู เพ ทีนี้หล่ะต่อได้เต็มที่ เพราะแม่ค้าจะตั้งราคาไว้สูงเผื่อลูกค้าต่ออยู่แล้ว
ก่อนเข้าไปก็ต้องซื้อบัตรเข้าชมคนละ30000rp ค่าจอดรถอีกต่างหาก2000rp จ่ายๆๆทุกหนทุกแห่ง นี่แหละความรู้สึกของนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวต่างประเทศ คิดว่าคนต่างชาติที่มาเที่ยวบ้านเราก็คงจะคิดแบบนี้เหมือนกัน จะกิน จะนอน จะ… จะไปที่ไหนก็ต้องจ่ายๆๆ (บ่นพองาม) พอซื้อบัตรเสร็จแล้วเดินเข้าไปข้างในเห็นคลื่นทะเลนิดหน่อยก็เริ่มหายเหนื่อย ผู้คนก็เยอะพอสมควร มีนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ ยืนถ่ายรูป และทำเซลฟี่กันอยู่เป็นหย่อมๆ เห็นทั้งที่เป็นฝรั่ง และคนจีน รวมทั้งชาวบาหลีเองด้วย คิดอยู่ในใจที่เห็นในรู กับของจริงมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ สวยงามมากๆ ที่ไม่เหมือนก็คือความรู้สึก มันรู้สึกดีและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ วัดที่สร้างอยู่บนทะเลไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน สามารถเดินไปดูใกล้ๆได้ในช่วงน้ำลง เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ หมวกหล่นซะงั้น เพราะว่าลมแรงมากๆ ถ่ายรูปเพลิน ทำให้หมวกที่หัวถูกลมพัดตกลงที่น้ำและถูกน้ำพัดไปอย่างรวดเร็ว คว้าไว้ไม่ทัน ได้แต่ยืนดูเฉยๆ คิดว่าต้องซื้อใหม่แล้ว หันหลังกลับได้ไม่กี่วินาที หันไปดูอีกทีคลื่นพัดหมวกกลับมายังฝั่งอีกครั้ง แรงทั้งลม ทั้งคลื่น ทั้งแดดจริงๆ
นาทีประทับใจ
มาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกตื้นอกตันใจอย่างบอกไม่ถูกนะ เพราะภาพที่เราเห็นจากในอินเตอร์เน็ตว่ามันสวยงาม อยากไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะมาถึงจริงๆ มันสวยไม่ต่างอะไรไปจากในรูปเลย ด้านล่างของวิหารทางขวามือมีคนทำพิธีเจิมหน้าผากให้เพื่อความโชคดี แต่เราต้องบริจาคเงินให้เล็กน้อยตามแรงศัทธา เหมือนเป็นค่าครูหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน หลังจากนั้นคนทำพิธีจะบอกเราให้เอาน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาล้างหน้าก่อน เสร็จแล้วก็เจิมหน้าผากด้วยเม้ดข้าวสาร และจะมีดอกลีลาวดีทัดหูให้คนละหนึ่งดอก พุดถึงดอกลีลาวดี ชาวบาหลีค่อนค่างใช้กันมาก พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน หรือในบริเวณโรงแรม ไปที่ไหนก็จะเห็นแต่ดอกลีลาวดี ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ชาวบาหลีจะใช้ตกแต่งบริเวณเตียงนอน หรือตามขั้นบันไดของโรงแรม ไปกินค็อกเทลก็ยังเจอนะ ชาวบาหลีใช้ตกแต่งให้ค็อกเทลมีสีสันสวยงามและน่ารับประทาน เข้าวัดเข้าวาหลายคนใช้ทัดหูทั้งหญิงและชาย
ภายในวิหารเขาไม่ให้คนนอกศาสนาขึ้นไปคะ ไม่รู้ทำไมนะหลายๆวัดเป็นแบบนี้ ทำได้แค่ถ่ายรูปอยู่บริเวณข้างนอกเท่านั้น ตรงด้านล่างของหน้าผาเชื่อกันว่าเป็นถ้ำของงูศักดิ์สิทธิ์ สามารถเข้าไปข้างในได้ อันนี้เราก็ไม่รู้นะว่าเข้าไปแล้วจะเห็นหรือเปล่า เพราะเราไม่ได้เข้าไป กลัวงู555 ก็เลยอดเก็บรูปข้างในถ้ำมาฝาก สำหรับคนที่อยากมีรูปสวยๆไว้ดู ที่นี่มีคนให้บริการถ่ายรูปที่ระลึก จะเดินอยู่รอบๆบริเวณที่มีนักท่องเที่ยว ราคาไม่แพง แต่เราไม่เอา เพราะเรามีทั้งกล้องถ่ายรูปและมือถือแล้ว ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้บริการกันเยอะ
เดินไปเดินมาจนทั่วแพร๊บเดียวก็เกือบ2ชั่วโมงแล้ว เวลาที่เรามีความสุขรู้สึกว่ามันจะหมุนเร็วจริงๆ มาในช่วงบ่ายถึงจะร้อนแต่ท้องฟ้าและน้ำทะเลสวยมาก ถ่ายรูปได้อย่างแจ่ม ครั้งนี้เราอดที่จะได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน เพราะโรงแรมอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่ แต่ก็ไม่เป็นไร คราวหน้ามาเที่ยวอีกค่อยมาตอนเย็น เวลามีน้อยใช้สอยอย่างประหยัด อยากจะอยู่ที่นี่นานๆ รอจนถึงตอนเย็นแต่คงไม่ไหว มาตอนบ่ายแดดร้อนมาก ขณะเดียวกันก็เห็นรถทัวร์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวทะยอยมากันเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย ถึงตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเวลาที่เหมาะที่จะมาที่นี่คือช่วงตอนเช้าสายๆ หรือตอนเย็นๆ
หลังจากที่ได้เที่ยวชมความสวยงาม เก็บรูปภาพสวยๆจนเป็นที่พอใจเรียบร้อยแล้ว ตักตวงความสุขได้อย่างเต็มที่ ก็ได้เวลากลับโรงแรมแล้ว ประทับใจมากๆที่ทริปบาหลีครั้งนี้ได้มีโอกาสมาถึงที่นี่ มีความสุขสุดๆ ใครมีโอาสมาเที่ยวบาหลี อินโดนีเซีย ควรจะหาเวลามาให้ได้สักครั้ง มาตอนเช้าตอนที่แดดเริ่มส่อง หรือตอนเย็นมาดูพระอาทิตย์ตกก็สวยเหมือนกัน ถ้าไม่อยากเดินทางมาไกลแนะนำให้จองห้องพักใกล้ๆแถวอุบุด มีตลาดอุบุด แหล่งช็อปปิ้งที่เป็นที่นิยมของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆของบาหลี มีสินค้ามากมายหลายอย่าง ให้เพื่อนๆได้ช็อปกระจายซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนทางบ้านอีกด้วย
สุดท้ายแล้วคนเราทำงานหนักร่างกายก็ต้องการพักผ่อน ชาร์ทพลังให้ร่างกายและสมองได้มีแรงที่จะดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง และการพักผ่อนที่ดีที่สุด ก็คือการที่เราได้ไปเที่ยว ดูสิ่งสวยงาม ตามธรรมชาติ ทะเล ภูเขา วัดวาอาราม และไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆอีกมากมายที่รอให้พวกเราได้ไปสัมผัส หวังว่าเพื่อนๆหรือใครที่วางแผนจะมาเที่ยวบาหลี อินโดนีเซีย โพสต์นี้อาจจะให้ข้อมูล และเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย หลายๆคนที่อ่านคงจะชอบและอยากจะเก็บกระเป๋าไปเที่ยวบาหลีกันแล้วแน่ๆ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการพักผ่อนและเต็มที่กับทุกทริป