สวัสดีเพื่อนๆรักเที่ยว วันนี้รักเที่ยวจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเวียงจันทน์ ประเทศลาว เพื่อนบ้านใกล้ๆเรานี่เอง ครั้งแรกจะได้ไปเที่ยวลาวก็รู้สึกตื่นเต้นนิดๆนะ อยากรู้เหมือนกันว่าลาวจะเป็นเหมือนที่คิดไว้หรือไม่ บ้านเมืองเขาไปถึงไหนกันแล้ว เราจะมาเริ่มกันตั้งแต่การร่ายประวัติของลาวไปจนจบทริปกันเลย
ลาวเป็นประเทศเล็กๆ ความยาวของพื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 1,700 กิโลเตรเท่านั้น เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเขตติดต่อกับจีนทางทิศเหนือ ติดต่อกับพม่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดต่อกับเวียดนามทางทิศตะวันออก ติดต่อกับกัมพูชาทางทิศใต้ และติดต่อกับประเทศไทยของเราทางทิศตะวันตก มีเขตสิ้นสุดอยู่ที่จังหวัดหนองคาย โดยจะมีสะพานที่เชื่อมระหว่างไทยลาวนั่นก็คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ที่มาของสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว
ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานร่วมกับ ฯพณฯ หนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสที่ ฯพณฯ พอล คีตติง นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศออสเตรเลีย มอบ สะพานมิตรภาพ ในนามของประชาชน ชาวออสเตรเลีย เป็นของขวัญแก่ประชาชนชาวไทยและชาวลาว เมื่อวันศุกร์ ที่ 8 เมษายน พุทธศักราช 2537
วันนี้รักเที่ยวมีโอกาสไปจัดทริปกันที่เวียงจันทน์ เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศลาว
เริ่มการเดินทาง วันนี้เราเดินทางโดยใช้สายการบินสีเหลือง จากเชียงใหม่ไปยังอุดรธานี เครื่องออก 16.10 น. ลงจอดที่สนามบินอุดรธานี 17.00น. เพราะเช็คตั๋วแล้ววันที่เราเดินทางไม่มีเที่ยวบินรอบเช้าเลย ต้องนอนที่อุดรธานี1คืน เราพักที่โรงแรม Prajaktra Design Hotel อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ3กิโลเมตร มีบริการรับ ส่งที่สนามบินด้วย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ก่อนขึ้นเครื่องก็ให้โทรแจ้งชื่อ เบอร์โทร และเวลาที่เราไปถึงที่สนามบิน
การเดินทางไปสู่นครเวียงจันทน์
ตื่นเช้าอากาศสดใส เช็คเอาท์เสร็จแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันต่อ โดยเดินไปที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่อซื้อตั๋วไปหนองคาย อยู่ใกล้กับเซ็นทรัลอุดร ถนนฝั่งตรงข้ามเยื้องๆนิดหน่อย (ใช้เวลาเดินจากโรงแรมถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารประมาณ 15นาที) รถจะออกเป็นเที่ยว
ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงจากอุดรมาถึงที่หนองคาย ลงจากรถมาก็จะมีพวกคนรับจ้าง แท็กซี่ ตุ๊กๆ มารับเต็มเลย สามารถใช้บริการรถรับส่งที่นี่ไปยังสะพานมิตรภาพได้เลย แต่พวกอยากรู้อยากเห็นอย่างเราต้องเดินสำรวจเส้นทางก่อนนิดหนึ่ง เพราะไม่รีบ ก็เดินจากสถานีหนองคายไปเรื่อยๆจนถึงริมฝั่งแม่น้ำโขงที่กั้นระหว่างไทย-ลาว ใช้เวลาเดินประมาณ20นาที เดินเลียบฝั่งไปเรื่อยๆ มีจุดให้ราถ่ายรูปกันหลายจุด มีที่พักและร้านอาหารเยอะแยะ มาถึงตรงนี้แล้วก็ยังมีตุ๊กๆคอยให้บริการอยู่ แต่เราก็ยังอยากเดินต่อ (บ้าพลัง) จากตรงนี้ไม่แนะนำให้เดินต่อ เพราะตามถนนไม่ค่อยจะมีตุ๊กๆให้โบกแล้ว
จุดตรวจสะพานมิตรภาพไทย – ลาว
และเราก็เดินมาจนถึงจุดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว(เหนื่อยสุดๆ) ไม่คิดว่าจะมีคนบ้าเดินตั้งแต่หนองคายไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว รวมๆแล้วใช้เวลาเดินเป็นชั่วโมง อย่าทำเลยนะคะมันไม่ดีต่อขาซักนิด มาถึงตรงนี้ ไปดูเลยคะว่ายังมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกบ้าง
ค่ารถโดยสารประจำทางข้ามไปยังฝั่งลาว ราคา15บาท
พอมาถึงฝั่งลาวแล้ว ก็ตรงไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง พอเสร็จแล้วให้ใช้บริการรถบัสประจำทางไปยังเวียงจันทน์
(รถตุ๊กๆและแท็กซี่ที่ลาวค่อนข้างแพงมาก แนะนำให้ใช้บริการรถบัสประจำทางดีกว่าคะ ถูกกว่ามากจากด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังเวียงจันท์ค่าโดยสารรคนละ 6000กีบ ขากลับคิวรถประจำทางจะอยู่ที่ตลาดเช้า)
แต่การเดินทางไปยังลาวสามารถบินตรงไปถึงเวียงจันทร์ได้เลย แต่ทริปนี้เราเลือกมาทางหนองคาย เพราะไปเที่ยวลาวครั้งแรกเลยอยากเก็บรายระเอียดให้ได้มากที่สุด อ่านมาถึงตรงนี้เราก็ได้นำเพื่อนๆข้ามมายังฝั่งลาวกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้รักเที่ยวจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในลาวที่เราไปจัดมาแล้วให้ชมกันคะ
สวนพระ (Buddha park)
อีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวลาว เวียงจันทน์ เป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นก็คือ วัดเชียงควาน (xieng khuan temple) อยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นสวนพระที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2501 ภายในจะมีรูปปั้นของพระวิษณุ พระศิวะ และรูปปั้นแปลกๆตามจินตนาการของผู้สร้าง ซึ่งจุดเด่นของวัดเชียงควานก็คือรูปปั้นทรงฟักทองขนาดใหญ่ มีประตูเป็นรูปปาก ซึ่งสามารถเดินไปถ่ายรูปด้านใน และเดินไปขั้นบนสุด ซึ่งสามารถมองเห็นบริเวณสวนพระได้อย่างทั่วถึงและคลอบคลุมทั้งหมด ใครที่ไปเที่ยวนิยมขึ้นมาถ่ายรูปมุมสูงได้จากข้างบนนี้คะ สวยงามและประทับใจมากๆ
อ่านข้อมูลและดูรูปภาพสวยๆเพิ่มเติมวัดเชียงควน
วัดสีสะเกด(วัดแสน)
ตามประวัติวัดสีสะเกด เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นแห่งแรกเลยในนครเวียงจันทน์ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดลาวที่มีความเก่าแก่มากๆ และในอดีตเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช(ลาว) ศักดิ์ของวัดนี้เทียบเท่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ฯ ท่าเตียน ของไทย) และที่มาของคำว่าแสน ก็เพราะว่ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่น้อยที่มีราว 100,000 องค์ ผลจากสงครามและกาลเวลาทำให้พระพุทธรูปมีจำนวนลดลงเหลือเพียงหนึ่งหมื่น หรือ หกพันองค์ แต่ถึงกระนั้นวัดสีสะเกดก็ยังได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปจำนวนมากของนครเวียงจันทน์ ประวัติศาสตร์เก่าแก่แต่หลังของวัดนี้มีมากมายและน่าสนใจมาก ถ้าเพื่อนๆลองค้นหาข้อมูลดูแล้วจะรู้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ของลาวที่มีความสำคัญมากๆ
พระธาตุหลวง
เรียกได้ว่าเป็นปูชนียสถานอันสำคัญอย่างยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนคนลาวทั่วประเทศ พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี สร้างขึ้นคราวเดียวกับการสร้างนครเวียงจันทน์ ถือว่าเก่าแก่มากๆ มีองค์พระธาตุหลวงสีทองขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ ในวันสำคัญต่างๆประชาชนคนลาวจากทั่วสารทิศก็จะมารวมกันที่นี่เพื่อทำบุญและประกอบพิธีทางศาสนา พระธาตุหลวงของลาววันนี้ได้กลายเป็นที่สถานีท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของลาวไปแล้ว มักจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปกันอยู่เป็นประจำ เพราะบริเวณภายในพระธาตุกว้างขวางมาก มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะแยะ แต่เสียดายตอนที่ไปพระธาตุถูกคลุมไว้ อยู่ภายใต้การก่อสร้าง เลยอดเก็บรูปสวยๆมาฝากหาก เพื่อนๆมีโอกาสมาเที่ยวเวียงจันทน์ ประเทศลาว อย่าได้พลาดเชียวนะคะ
ตลาดเช้าเวียงจันทน์
ตลาดแห่งนี้เปิดตั้งแต่ตี5จนถึงค่ำเลยคะ บริเวณตลาดมีคิวรสบัสรอบเมืองลาวอยู่ ราคาอยู่ที่ประมาณ5000-6000กีบเท่านั้น ไม่แนะนำแท็กซี่หรือตุ๊กๆ เพราะราคาจะค่อนค่างแพง จะไปเที่ยวที่ต่างๆหารถบัสได้ที่นี่คะ ราคาสบายกระเป๋า แต่จะจอดรับ-ส่ง ลูกค้าตามจุดต่างๆด้วย จริงๆแล้วเหตุผลหลักของการมาเดินตลาดที่นี่ครี้งนี้เราตั้งใจมาชิมขนมปังหรือบาแกต(baqoette) ลาว ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นที่พบได้ทั่วไปตามตลาดทุกแห่ง มีมากมายหลายร้าน กินง่าย และอร่อย มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ราคาตามขนาด 3000-6000กีบ พ่อค้าแม่ค้าใจดี และคนส่วนมากพูดภาษาไทยได้ชัดเจนเกือบทุกคน การสื่อสารไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถ้าเพื่อนๆมาเที่ยวเวียงจันทน์ อย่าลืมแวะชิมนะคะ อร่อยและไม่แพง
ปะตูไซ
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของลาวเลยก็ว่าได้ หลายๆคนคงคุ้นตาเมื่อเราได้อ่านบางอย่างเกี่ยวกับลาว โดยเฉพาะเมื่อเราค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในลาว ก็จะมีรูปปะตูไซเกี่ยวพันอยู่ด้วย ปะตูไซเป็นอนุสรณ์ที่ตั้งอยู่ท้ายสุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของถนนล้านช้าง ใจกลางนครเวียงจันทน์ ปะตูไซเป็นคำประสมมาจากคำว่า ปะตู (ประตู) และ ไซ มาจากภาษาสันสกฤต(ชะยะ)หมายถึง “ความชนะ” ปะตูไซ ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยศิลปะแบบล้านช้าง โดยนำสัตว์ในตำนานความเชื่อของศาสนาพุทธ และเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาตกแต่ง บริเวณโดยรอบมีลานการแสดงน้ำพุประกอบดนตรีและสวนปะตูไซ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลาวแวะเวียนมาถ่ายรูปที่ปะตูไซอยู่สม่ำเสมอ เมื่อมาถึงที่ปะตูไซแล้วมีความรู้สึกว่ามาถึงลาวแล้วจริงๆคะ
ถนนคนเดินเวียงจันทน์
เที่ยวมาทั้งวันแล้วก็คงต้องมาตบท้ายด้วยการเดินเที่ยวถนนคนเดินเวียงจันทน์ ซึ่งคนลาวนิยมเรียกกันว่าตลาดมืด ถนนคนเดินแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนห้างุ้ม ริมแม่น้ำโขง ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก รวมระยะทางเดินแล้วนับเป็นกิโลๆเลยทีเดียว มีสินค้าแฟชั่นสวยๆ ของที่ระลึก ราคาถูกมากมาย เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าจุกจิก จิปาถะ สักเบือยันเรือรบ เยอะไปหมดทั้งคนทั้งสินค้า จะเริ่มคึกคักในช่วงประมาณ 5โมงเย็นไปจนถึง4ทุ่ม บริเวณใกล้เคียงมีร้านอาหาร โรงแรม อละบาร์ให้นั่งจิบเบียร์เย็นๆมากมายล้อมรอบ รับรองไม่เหงาแน่นอน ไม่เพียงเท่านี้ตรงริมแม่น้ำโขงติดกับถนนคนเดิน ได้ปรับปรุงให้ภูมิทัศน์เป็นแหล่งท่องเที่ยว และกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับออกกำลังกาย เดินเล่น และนัดปะพบเจอของชาวลาวไปซะแล้ว เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคะถ้ามีโอกาสไปเที่ยวลาว
ร้านอาหารทะเลริมแม่น้ำโขง
สถานที่สุดท้ายที่อยากจะแนะนำวันนี้ก็คือร้านอาหารริมแม่น้ำโขง มีร้านอาหารทะเล ปิ้ง ย่าง มากมายเรียงรายอยู่ แต่ละร้านนี่ขอบอกว่าน่านั่งมากๆ บรรยากาศนี่ไม่ต้องพูดถึง ฟินสุดๆไปเลย
ลาววันนี้ ในความคิดของเพื่อนๆแตกต่างไปจากที่เห็นมากน้อยแค่ไหนกันคะ ก่อนจะมาถึงลาว ที่คิดไว้ไม่เป็นอย่างที่ได้เห็นวันนี้เลยคะ ลาววันนี้สวยงาม เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมากๆ ไม่แพงและใกล้บ้านเรา ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายที่ยังไม่ได้ไป ครั้งหน้าตั้งใจอยากจะไปหลวงพระบาง อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ
อ่านมาถึงตรงนี้หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความบันเทิงกันไปบ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายต้องขอขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขกับการท่องเที่ยวกับทุกทริปคะ
รูปภาพเพิ่มเติม