ฮานอย เวียดนาม รีวิวการเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยว

เสน่ห์เมืองฮานอย

ฮานอย เวียดนาม อีกหนึ่งประเทศที่ใครหลายๆคนอยากไปสัมผัส เป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฝรั่งเศส  มีทะเลสาบและเจดีย์พุทธเป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในใจกลางกรุงฮานอยซึ่งประกอบด้วยทะเลสาบ Hoan Kiem และวัด Ngoc Son ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงาม ตั้งอยู่บนเกาะทะเลสาบ Hoan Kiem โดยเฉพาะตอนกลางคืนเดินเล่นถ่ายรูปตอนเปิดไฟ สะพานสีแดงจะเปล่งประกายสวยมาก ถ้าหากพักอยู่ในย่าน Old Quarter ต้องไม่พลาดที่จะเดินรอบ ๆแม่น้ำ เพราะมีร้านค้าร้านอาหาร ร้านกาแฟ บาร์ มากมายอยู่รอบๆ อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือเดินชมตลาดกลางคืนวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อซื้อของที่ระลึกราคาถูก ไปฝากเพื่อนๆ พี่น้อง ที่อยู่ทางบ้าน

วันนี้รักเที่ยวจะมารีวิวการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงที่พัก สำหรับคนที่วางแผนหรือกำลังจะไปเที่ยวฮานอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆไม่มากกก็น้อยคะ

ราคาและแพ็คเกจซิมการ์ด

ซิมการ์ดหาไม่ยากเลยคะ หาซื้อได้ที่ร้านขายซิมที่สนามบินเลย คนขายจะถามว่าเรามาอยู่กี่วัน แล้วเค้าจะแนะนำโปรและราคาที่เหมาะสมให้เราเองคะ มีทั้งโปรเน็ตและโปรโทร หรือจะเอาแค่เน็ตก็ได้เหมือนกัน แนะนำซิม Vinaphone หรือ Vinaphone or Viettel แต่ตอนที่ไปเวียดนามเลือกใช้ซิม Viettel เอาแค่ 3g ใช้งานดีคะไม่มีปัญหา ไปเที่ยวสองอาทิยย์ เน็ต10gb  ราคา 250.000 VND(400 บาท) คนขายเปลี่ยนซิมให้เรียบร้อย วันเวลาที่เวียดนามก็เท่ากับบ้านเราคะ

โปรและราคาซิมการ์ดที่สนามบินฮานอยราคาประมาณนี้คะ

หรือถ้าไม่ซื้อซิมที่สนามบิน ก็ไปซื้อที่ viettel ร้านใหญ่ๆ ใกล้ทะเลสาบที่ Old quarter ได้คะ

การแลกเปลี่ยนเงินดอง

สนามบินฮานอยจะมีอัตราการแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าในเมืองฮานอย และสนามบินกรุงเทพ เพราะฉะนั้นอยากแนะนำว่าพกเงินสดมาเปลี่ยนที่สนามบินฮานอยจะได้เรทที่ดีกว่าคะ

ตัวเลือกในการเดินทาง จากสนามบิน-ตัวเมือง และ ตัวเมือง-สนามบิน

1. รถโดยสารสาธารณะ

• รถโดยสารท้องประจำทางสาย 7: สนามบิน Noi Bai – เขต Cau Giay (เขตที่อยู่อาศัยของเมือง): 8,000 ดอง วิ่งตั้งแต่ 5 โมงเช้าถึง 9 โมงเย็น
• รถประจำทางสาย 17: สะพานน้อย – สะพานลองเบียน (ใจกลางเมือง): 9,000 ดอง วิ่งตั้งแต่ 5 โมงเช้าถึง 20.00 น.
• รถโดยสารประจำทางสาย 86 (อั้นนี้แนะนำ) สนามบิน Noi Bai- เมืองฮานอย

2. แท็กซี่ มิเตอร์

แท็กซี่จะจอดรอรับผู้โดยสารด้านหน้าของอาคารผู้โดยสาร ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ค่าแท็กซี่จะคิดตามมิเตอร์ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ไปยังตัวเมืองอานอย และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 320,000 ดอง

3. มินิบัส

สนามบินมินิบัสมีบริการรถรับส่งผู้โดยสารไปยังโรงแรมหรือที่พักอาศัยในเมืองฮานอยมีค่าใช้จ่าย 22,000 ดอง สำหรับชาวเวียดนามหรือ 32,000 ดอง สำหรับชาวต่างชาติ ค่าโดยสารไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆอาจคิดราคาเพิ่ม ระบุปลายทางและตรวจสอบค่าโดยสารก่อนขึ้นรถ รถจะออกจากสนามบินเมื่อลูกค้าเต็ม

รีวิวการเดินทางโดยรถบัสประจำทางหมายเลข86

การเดินทางไปยังตัวเมืองฮานอย วิธีที่ง่ายและสบายใจที่สุดก็คือ ใช้รถบัสสนามบินคันสีส้ม เบอร์ 86  ราคาเพียง 30,000ดอง ถูกกว่าแท็กซี่มาก และไม่ต้องไปเสียเวลาระแวงพวกแท็กซี่ต้มตุ๋น แอร์เย็น wifi ฟรีอีกตางหาก ถึงมันจะไม่เร็วก็ตาม อิอิ

ป้ายรถบัสฮานอยอยู่นอกประตูทางออกของอาคารผู้โดยสาร  ไปยืนรอตรงนั้นเลยคะ จ่ายเงินบนรถ ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ก็ถึงในตัวเมือง แล้วแต่ว่ารถจะติดมากน้อยแค่ไหน ระยะทางจากสนามบินไปยังตัวเมือง 45 กิโลเมตร

อันนี้เป็นหน้าตาของตั๋วโดยสารนะคะ
หลังจากนั้นผู้ช่วยบนรถจะแจกกระดาษให้เราหนึ่งแผ่น(ไม่ได้ถ่ายรูปมา)ให้เราดู และถามเราว่าจะลงที่ไหน รถก็จะหยุดตามลำดับหมายเลขในกระดาษที่เราบอกเลยคะ ถ้าไม่เข้าใจหรือไม่รู้ก็ถามหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วยในรถเพื่อจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้  ไม่ต้องกังวลเพราะเค้าสามารถพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้คะ

ตารางเวลารถบัสขากลับไปยังสนามบิน

ขากลับไปยังสนามบิน

จุด Bus stop: ริมถนน หน้าสถานีรถไฟฮานอย, ทะเลสาบ Hoan Kiem Lake, สะพาน Nhat Tan และ สถานีรถบัส Long Bien

Facebook page: Bus 86

การเดินทางและค่าโดยสารภายในฮานอย

• Grab ราคาถูกและใช้งานง่าย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า ไม่มีความเสี่ยงที่จะถูกโกงราคา  เช่นเดียวกับที่รถแท็กซี่ชอบทำกับนักท่องเที่ยว ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ลองใช้ Grab เพราะครั้งนี้เราไม่ได้เช่ามอรเตอร์ไซค์ รู้สึกว่าบริการนี้เข้าท่าดีนะ สะดวกดีสำหรับการเดินทางระยะทางไม่ไกล ราคาไม่แพง ประมาณ  20000 ดอง ไม่มีเงินสดก็ใช้บริการได้ และที่ฮานอยก็มี Grab ทุกที่ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
• ราคารถโดยสารท้องถิ่น ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 ดอง
• แท็กซี่ราคาเริ่มที่ 10,000 ดอง 12,000 ดอง ต่อกิโลเมตร
• เช่ารถจักรยานรอบเมือง เป็นวิธีที่เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตประจำวัน และเข้าถึงการจราจรอันแสนวุ่นวายของฮานอยได้มากที่สุด  และเนื่องจากจักรยานรอบเมืองไม่มีมิเตอร์ ควรตกลงราคาก่อนใช้บริการ ต้องรู้ก่อนว่าคุณต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ก่อนออกเดินทาง จากที่เคยลองนั่ง 10 นาที จ่ายไปประมาณ 20,000 ดอง

ที่พักใน ‘Old Quarter’ฮานอย

สำหรับทริปสองอาทิตย์ในฮานอยครั้งนี้ เราไปพักที่โรงแรมใน  Old Quarter ด้วยกันถึงห้าโรงแรม แต่ที่เราจะหยิบมาแนะนำกันในบทความนี้ก็คือ

Golden Cyclo Hotel

ซึ่งเราได้พักที่นี่เป็นเวลาสามคืน โรงแรมแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบครัน สะอาด การบริการดีมาก อาหารเช้าหลากหลาย เป็นแบบบุฟเฟต์ อร่อยและคุณภาพเยี่ยม ทำเลที่ตั้งดีมาก อยู่ใจกลางเมือง สะดวกต่อการเดินเที่ยวชมเมืองฮานอยและอยู่ใกล้เคียงกับร้านอาหารอร่อยๆมากมายหลายร้าน

Dragon Air Hotel

ส่วนโรงแรมคืนสุดท้ายของเรา เราพักที่ Dragon Air Hotel เป็นเวลาหนึ่งคืน โรงแรมนี้ใกล้กับสนามบิน ขากลับสนามบินจากตัวเมืองฮานอย เดินเท้าจากสนามบินไปยังโรงแรม ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งทางโรงแรมมีบริการส่งที่สนามบินฟรีเพียง 1ครั้งเท่านั้น เราเลยเลือกใช้บริการนี้ในตอนเช้าของวันเดินทางกลับ และตอนที่นั่งรถบัสจากเมืองฮานอยมาสนามบินเราก็เดินจากสนามบินไปที่พักคะ ห้องพักโอเค ห้องน้ำไม่ใหญ่ มีอาหารรองท้องให้ตอนเช้าเป็น ขนมปัง กาแฟ และผลไม้ ก่อนที่จะไปส่งเราที่สนามบินคะ ส่วนอาหารเย็น เดินไปกินที่ร้านอาหารเล็กๆที่อยู่ติดกับโรงแรม มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้บริการคะ จริงๆแล้วไม่ซีเรียสกับห้องพักคืนสุดท้ายเท่าไหร่เพราะเอาความสะดวกตอนเดินทางไปยังสนามบินตอนเช้าเป็นหลัก

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและน่าสนใจของฮานอย

ทะเลสาบฮหว่านเกียม

ทะเลสาบฮหว่านเกียม หรือ ทะเลสาบน้ำเขียวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขตเมืองเก่า บลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบ
การเดินทางไปวัดหง็อกเซิน จะมีสะพานไม้ ชื่อ “สะพานเทฮุก” (Thê Húc) หรือ “สะพานแสงอาทิตย์” มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฮานอย ข้ามจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ไปยังวัดซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของทะเลสาบ และยังมีหอคอยโบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า “ท้าปสั่ว” (Tháp Rùa) ซึ่งหมายถึง “หอคอยเต่า” หรือ “หอคอยตะพาบ” และในปัจจุบันยังมีหลายคนได้เห็นตะพาบยักษ์โผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดูกาล
ปัจจุบัน ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจของชาวฮานอย โดยมีการสร้างเป็นสวนสาธารณะล้อมรอบ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่งของฮานอย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมและถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก

วัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple)

วัดหง็อกเซิน เป็นวัดโบราณบนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบคืนดาบ ตั้งอยู่บนเนินหยก สามารถเดินข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้ามสะพานเทฮุก ซึ่งเป็นสะพานไม้สีแดงสดใส  ที่มีความหมายว่า สะพานแสงอาทิตย์ยามเช้า เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวฮานอยมาถ่ายรูปกันมากที่สุด ยิ่งตอนกลางคืนเปิดไฟด้วยแล้ว สะพานจะมีสีแดงสว่างสะท้อนกับผิวน้ำสวยงามมาก ภายในวัดประกอบด้วย ศาลเจ้าโบราณและ เต่าจำลองขนาดใหญ่ โดยเชื่อกันว่า เต่าตัวนี้ คือเต่าศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 ตัวที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน ชาวเวียดนามมักเดินทางมาสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดแห่งนี้กันอยู่เป็นประจำ

สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum)

สำหรับใครที่มีควาสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความเป็นมา จะต้องมาที่สุสานโฮจิมินห์ เป็นอาคารหินอ่อนและหินแกรนิตรวมถึงไม้เนื้อดีจากทั่วประเทศ เป็นอาคารที่โดดเด่นและสง่างาม ด้านในจะพบกับศพโฮจิมินห์ ซึ่งอาบน้ำยาอยู่ในโลงแก้ว เพื่อให้ผู้คนที่เข้ามาชมได้รู้จักผู้นำที่มีความแข็งแกร่ง ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการมากมาย เกี่ยวกับความเป็นมา ประวัติศาสตร์ในสมัยสงคราม โดยมีการจัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ จัดแสดงงานศิลปะ และภาพถ่ายต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อดีตประธานาธิบดีเคยทำไว้เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามและต่างชาติแวะเวียนมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอยู่อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน ด้านหลังมีสวนสาธารณะที่เงียบสงบร่มรื่นและมีสระน้ำเล็กๆ และบ้านที่สร้างบนเสาสูงซึ่งเชื่อกันว่าเคยเป็นที่อยู่ของโฮจิมินห์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย

เจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda)

วัดเจดีย์เสาเดียว อยู่ใกล้ๆกันกับสุสานโฮจิมินห์ เมื่อเที่ยวชมสุสานโฮจิมินห์เสร็จแล้ว สามารถเดินไปที่เจดีย์เสาต้นเดียวได้เลยคะ เป็นวัดบนเสาต้นเดียวกลางสระบัว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการถวายบูชาให้กับเจ้าแม่กวนอิม ถ้าเดินดูรอบๆเจดีย์แล้ว จะเห็นได้ว่าทำขึ้นจากไม้ทั้งหมด โดยมีตำนานกล่าวไว้ว่า พระเจ้าหลีไทตง กษัตริย์ผู้ครองฮานอย อยากได้โอรส และรอคอยมาเป็นเวลานานมาก จนคืนหนึ่งได้ทรงสุบินว่าเจ้าแม่กวนอิมได้มาปรากฎที่สระบัวและประธานโอรสให้กับพระองค์ หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้มีพระโอรส จึงได้สร้างเจดีย์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเสาต้นเดียวกลางสระบัวเพื่อเป็นการถวายสักการะแด่เจ้าแม่กวนอิม ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะมาขอพรให้ได้บุตรกับเจ้าแม่กวนอิมที่เจดีย์เสาเดียวแห่งนี้อยู่เสมอ

วิหารวรรณกรรมวันเหมียว หรือวัดจอหงวน (Van Mieu / Temple of Literature)

แหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อ มาเวียดนาม ก็คือ วิหารวรรณกรรมวันเหมียว หรือวัดจอหงวน ภาษาเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว (Van Mieu) สร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียนของพวกขุนนาง และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนาม ใช้เป็นสถานสอบจองหงวนในสมัยโบราณ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกว็อกช็อกเวียน (Quoc Hoc Vien) เป็นวัดโบราณที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานเกือบพันปี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลีไทโต เพื่ออุทิศให้แก่ท่านศาสดาขงจื้อ ในอดีตเคยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม และได้ปิดตัวลงในปลายศตวรรษที่ 18 ต่อมาได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ ภายในวิหารร่มรื่นย์ไปด้วยต้นไม้ และมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และการศึกษาของเวียดนามที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองฮานอย ภายในวิหารวรรณกรรม ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรม ที่รวบรวมผลงานด้านศิลปะทุกแขนงนับตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันไว้มากมาย ซึ่งปัจจุบันได้เป็นวัดที่นักเรียน นักศึกษาชาวเวียดนามมักจะมามาขอพรในการสอบ
ค่าเข้าชม : ประมาณ 20,000 ดอง หรือประมาณ 31 บาท

เรือนจำฮัวโล (HỏaLò Prison)

ใครที่ชอบเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ และอยากรู้เรื่องราวของเวียดนาม เมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ต้องแวะมาที่ พิพิธภัณฑ์เรือนจำ Hoa Lo เรือนจำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยชาวฝรั่งเศส เพื่อใช้เป็นที่คุมขัง ทรมาน และประหารนักโทษทางการเมืองชาวเวียดนามมากมาย นอกจากนี้เรือนจำแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นที่คุมขังทหารอเมริกันในช่วงสงครามเวียดนามอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงทั้งข้าวของเครื่องใช้ ห้องขัง เครื่องแต่งกายของนักโทษในสมัยนั้น เครื่องประหารชนิดต่างๆ รูปจำลองนักโทษในห้องขัง และยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์อื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย รับรองว่าเข้าไปแล้วได้ความรู้กลับมาเพียบแน่นอนคะ
ค่าเข้าชม: 20,000 VND หรือประมาณ 30 บาทไทย
เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.

โอลด์ควอเตอร์ (Old Quarter Hanoi)

ย่านโอลด์ควอเตอร์ คือย่านเมืองเก่าในกรุงฮานอยที่มีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงความเป็นเวียดนามในแบบดั้งเดิมได้อย่างชัดเจน จะเรียกว่าเป็นจุดพบปะ พูดคุยของคนเวียดนามในตอนเย็นเลยก็ว่าได้ บางคนก็มาเดินเล่น เต้นแอโรบิค หรือวิ่งออกกำลังกาย และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ชอบมาเดินชมบรรยากาศความเก่าแก่ เพลิดเพลินไปกับการเดินช้อปปิ้งสินค้าราคาประหยัดตามถนน ที่มีทั้งร้านขายของฝาก ของที่ระลึก อาหาร จิปาถะ ที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านได้อีกด้วย

เจดีย์จัวเตริ่นกว็อก (Chua Tran Quoc)

ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโฮไตซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฮานอย เป็นเจดีย์สีแดงอมส้มสวยเด่นที่เก่าแก่ที่สุดในเวียดนาม ไล่ระดับขึ้นไปเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นมีพระพุทธรูปสีขาวประดิษฐานอยู่ในช่องรอบเจดีย์ และเป็นที่บรรจุอัฐิของพระที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ นักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่มาเดินเล่นที่ทะเลสาบก็ต้องแวะถ่ายรูปตัวเองที่มีเจดีย์แห่งนี้เป็นฉากหลัง เป็นอีกจุดสำคัญที่มาถึงฮานอยแล้วต้องหยุดเช็คอิน

โบสถ์เซนต์โยเซฟ (St. Joseph’s Cathedral)

มหาวิหารเซนต์โยเซฟนั้นตั้งอยู่บนถนนยาจุง นับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเเลนด์มาร์คที่สำคัญอีกเเห่งของเมืองหลวงเเห่งนี้ เเต่เดิมนั้นพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของเจดีย์บ่าวเทียน (BaoThien) ก่อนที่ฝรั่งเศสเมื่อเข้ามาปกครองเวียดนามเเล้วจะจัดการทำลายเจดีย์ทิ้งเเล้วสร้างโบสถ์เเห่งนี้ขึ้นมาเเทนที่ในศตวรรษที่ 19 โดยได้ต้นแบบมาจากมหาวิหารน็อทร์-ดาม (Notre-Dame de Paris) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากโบสถ์เซนต์โยเซฟอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบคืนดาบ จึงสามารถเดินมาถ่ายรูปเล่นหน้าโบสถ์และยังสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปด้านในได้อีกด้วย

ป้อมปราการจักรพรรดิแห่งทังลอง (Central Sector of the Imperial Citadel of Thang Long-Hanoi)

สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในกรุงฮานอย เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด และเป็นสมบัติของราชวงศ์โฮ เป็นพระราชวังเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หลี เวียต (Ly Viet) เพื่อประกาศเอกราชของอาณาจักรด๋ายเวียต (Dai Viet) อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม เพราะเป็นราชวังหินแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน

ถนนรางรถไฟฮานอย (Train Railway Hanoi)

อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปเยือนของกรุงฮานอยนั่นก็คือ ถนนรางรถไฟเก่าฮานอย เป็นอีกธีมหนึ่งที่ถ่ายทอดความเป็นเมืองเก่าฮานอยได้เป็นอย่างดี เมื่อเราได้เดินถนนนี้จะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในระแวกนี้ เห็นตึก ประตู บานหน้าต่าง แม้กระทั่งจักรยานที่จอดอยู่ตามหน้าบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสวยงามแบบเก่าแก่ มีความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ครั้งหนึ่งที่ได้เดินอยู่บนถนนสายนี้ ก็ได้สัมผัสถึงความเป็นท้องถิ่นจริงๆของชาวเวียดนาม ได้ยินมาว่าวันหนึ่งจะมีรถไฟวิ่งผ่าน 1-2 ครั้งเท่านั้น หากใครที่มีเวลาแนะนำให้แบกกล้องมาเดินคะ รับรองว่าต้องได้รูปสวยๆหลากหลายมุมกลับไปอย่างแน่นอน

Night Market ตลาดนัดตอนกลางคืน

หากมีใครไปเยือนถิ่นเมืองเก่า (Old Quarter) แห่งนี้อย่าพลาดที่จะออกมาเดินชมถนนคนเดิน ในวันเสาร์-อาทิตย์ นะคะ จะได้สัมผัสบรรยากาศเก่าๆสุดคลาสสิคของวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวเวียดนาม การผสมรวมกันของวัฒนธรรมสมัยโบราณกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่ลงตัว สำหรับนักช็อปที่ต่อรองราคายิ่งไม่ควรพลาด มีของมากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อ ส่วนมากจะเป็นพวกเสื้อผ้า กระเป๋า ของฝาก ของที่ระลึก อาหารกินเล่น และอีกมากมาย ตามถนนซอยเล็กซอยน้อยก็จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารยาวตลอดถนน

Bia Hoi Corner

อีกหนึ่งสถานที่สุดอิตในฮานอยที่อยากจะแนะนำให้คอเบียร์ทั้งหลายได้รู้จักกัน นั่นก็คือ Bia Hoi Corner แหล่งรวมวัยรุ่นฮานอยในยามค่ำคืน ทั้งซอยจะเต็มไปด้วยร้านเหล้าเบียร์ต่างๆมากมายหลายยี่ห้อให้เราได้เลือกลิ้มลอง ผู้คนคึกคัก ทั้งวัยรุ่นในพื้นที่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มารวมตัวกันโดยมิได้นัด แต่ทุกคนก็มีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือการมาพักผ่อน นั่งเก้าอี้พลาสติกเล็กๆตามมุมตึก มองผู้คนเดินผ่านไปมาใช้ชีวิตในยามค่ำคืน ชิมอาหาร จิบเบียร์เย็นๆราคาไม่แพงแต่ก็เมาได้ เบียร์ฮอยราคาถูกมากแม้ว่ารสชาติจะออกจืดไปเสียหน่อย แต่โดยรวมทั้งบรรยากาศต่างๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เคล็ดลับ: เมื่อเดินเที่ยวในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน เพื่อความปลอดภัยให้สะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้า และอย่าพกหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย

อาหารและของกินฮานอย

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ของกินฮานอยองกินเวียดนาม…
เชื่อว่าหลายคนคงเคยกินอาหารเวียดนามกันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่กินอาหารรสจัด อาหารเวียดนามก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ลิ้มลอง เพราะนอกจากรสชาติไม่จัดจ้านเท่าไหร่แล้ว ยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ทานแล้วไม่อ้วน เพราะอาหารเวียดนามเป็นอาหารที่กินกับผักสดหลากหลายชนิดในเกือบทุกเมนู ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงชอบอาหารเวียดนามมาก รวมถึงเราด้วย ตลอดทริปที่ฮานอยก็ตระเวนกินแต่อาหารเวียดนาม นั่งกินอาหารริมถนนบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ยิ่งได้สัมผัสถึงบรรยากาศความเป็นเมืองเก่าฮานอย

สำหรับคนที่ไม่ถนัดเดินเที่ยวเอง สามารถจองทัวร์ชิมอาหารริมทางยามค่ำในฮานอย ตามแบบคนท้องถิ่นกับ Traveloka ได้นะคะ ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดก่อนได้คะ น่าสนใจมากๆ  คลิก

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ,  Silk Queen Hotel (โรงแรม ซิลก์ควีน ฮานอย ) , ทริปล่องเรือสำราญที่ Ha Long Bay Vietnam , ของกินฮานอย ประเทศเวียดนาม