สองอาทิตย์กับการกินเที่ยวที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้รู้ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฮานอยมากพอสมควร ไปดูกันเลยคะว่ามีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง
ทะเลสาบฮหว่านเกียม (Hoàn Kiếm Lake)
ทะเลสาบฮหว่านเกียม หรือ ทะเลสาบน้ำเขียวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขตเมืองเก่า บลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบ
การเดินทางไปวัดหง็อกเซิน จะมีสะพานไม้ ชื่อ “สะพานเทฮุก” (Thê Húc) หรือ “สะพานแสงอาทิตย์” มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฮานอย ข้ามจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ไปยังวัดซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของทะเลสาบ และยังมีหอคอยโบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า “ท้าปสั่ว” (Tháp Rùa) ซึ่งหมายถึง “หอคอยเต่า” หรือ “หอคอยตะพาบ” และในปัจจุบันยังมีหลายคนได้เห็นตะพาบยักษ์โผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดูกาล
ปัจจุบัน ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจของชาวฮานอย โดยมีการสร้างเป็นสวนสาธารณะล้อมรอบ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่งของฮานอย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมและถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก
วัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple)
วัดหง็อกเซิน เป็นวัดโบราณบนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบคืนดาบ ตั้งอยู่บนเนินหยก สามารถเดินข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้ามสะพานเทฮุก ซึ่งเป็นสะพานไม้สีแดงสดใส ที่มีความหมายว่า สะพานแสงอาทิตย์ยามเช้า เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวฮานอยมาถ่ายรูปกันมากที่สุด ยิ่งตอนกลางคืนเปิดไฟด้วยแล้ว สะพานจะมีสีแดงสว่างสะท้อนกับผิวน้ำสวยงามมาก ภายในวัดประกอบด้วย ศาลเจ้าโบราณและ เต่าจำลองขนาดใหญ่ โดยเชื่อกันว่า เต่าตัวนี้ คือเต่าศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 ตัวที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน ชาวเวียดนามมักเดินทางมาสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดแห่งนี้กันอยู่เป็นประจำ
สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum)
สำหรับใครที่มีควาสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความเป็นมา จะต้องมาที่สุสานโฮจิมินห์ เป็นอาคารหินอ่อนและหินแกรนิตรวมถึงไม้เนื้อดีจากทั่วประเทศ เป็นอาคารที่โดดเด่นและสง่างาม ด้านในจะพบกับศพโฮจิมินห์ ซึ่งอาบน้ำยาอยู่ในโลงแก้ว เพื่อให้ผู้คนที่เข้ามาชมได้รู้จักผู้นำที่มีความแข็งแกร่ง ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการมากมาย เกี่ยวกับความเป็นมา ประวัติศาสตร์ในสมัยสงคราม โดยมีการจัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ จัดแสดงงานศิลปะ และภาพถ่ายต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อดีตประธานาธิบดีเคยทำไว้เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามและต่างชาติแวะเวียนมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอยู่อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน ด้านหลังมีสวนสาธารณะที่เงียบสงบร่มรื่นและมีสระน้ำเล็กๆ และบ้านที่สร้างบนเสาสูงซึ่งเชื่อกันว่าเคยเป็นที่อยู่ของโฮจิมินห์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย
เจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda)
วัดเจดีย์เสาเดียว อยู่ใกล้ๆกันกับสุสานโฮจิมินห์ เมื่อเที่ยวชมสุสานโฮจิมินห์เสร็จแล้ว สามารถเดินไปที่เจดีย์เสาต้นเดียวได้เลยคะ เป็นวัดบนเสาต้นเดียวกลางสระบัว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการถวายบูชาให้กับเจ้าแม่กวนอิม ถ้าเดินดูรอบๆเจดีย์แล้ว จะเห็นได้ว่าทำขึ้นจากไม้ทั้งหมด โดยมีตำนานกล่าวไว้ว่า พระเจ้าหลีไทตง กษัตริย์ผู้ครองฮานอย อยากได้โอรส และรอคอยมาเป็นเวลานานมาก จนคืนหนึ่งได้ทรงสุบินว่าเจ้าแม่กวนอิมได้มาปรากฎที่สระบัวและประธานโอรสให้กับพระองค์ หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้มีพระโอรส จึงได้สร้างเจดีย์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเสาต้นเดียวกลางสระบัวเพื่อเป็นการถวายสักการะแด่เจ้าแม่กวนอิม ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะมาขอพรให้ได้บุตรกับเจ้าแม่กวนอิมที่เจดีย์เสาเดียวแห่งนี้อยู่เสมอ
วิหารวรรณกรรมวันเหมียว หรือวัดจอหงวน (Van Mieu / Temple of Literature)
แหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อ มาเวียดนาม ก็คือ วิหารวรรณกรรมวันเหมียว หรือวัดจอหงวน ภาษาเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว (Van Mieu) สร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียนของพวกขุนนาง และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนาม ใช้เป็นสถานสอบจองหงวนในสมัยโบราณ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกว็อกช็อกเวียน (Quoc Hoc Vien) เป็นวัดโบราณที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานเกือบพันปี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลีไทโต เพื่ออุทิศให้แก่ท่านศาสดาขงจื้อ ในอดีตเคยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม และได้ปิดตัวลงในปลายศตวรรษที่ 18 ต่อมาได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ ภายในวิหารร่มรื่นย์ไปด้วยต้นไม้ และมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และการศึกษาของเวียดนามที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองฮานอย ภายในวิหารวรรณกรรม ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรม ที่รวบรวมผลงานด้านศิลปะทุกแขนงนับตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันไว้มากมาย ซึ่งปัจจุบันได้เป็นวัดที่นักเรียน นักศึกษาชาวเวียดนามมักจะมามาขอพรในการสอบ
ค่าเข้าชม : ประมาณ 20,000 ดอง หรือประมาณ 31 บาท
เรือนจำฮัวโล (HỏaLò Prison)
ใครที่ชอบเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ และอยากรู้เรื่องราวของเวียดนาม เมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ต้องแวะมาที่ พิพิธภัณฑ์เรือนจำ Hoa Lo เรือนจำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยชาวฝรั่งเศส เพื่อใช้เป็นที่คุมขัง ทรมาน และประหารนักโทษทางการเมืองชาวเวียดนามมากมาย นอกจากนี้เรือนจำแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นที่คุมขังทหารอเมริกันในช่วงสงครามเวียดนามอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงทั้งข้าวของเครื่องใช้ ห้องขัง เครื่องแต่งกายของนักโทษในสมัยนั้น เครื่องประหารชนิดต่างๆ รูปจำลองนักโทษในห้องขัง และยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์อื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย รับรองว่าเข้าไปแล้วได้ความรู้กลับมาเพียบแน่นอนคะ
ค่าเข้าชม: 20,000 VND หรือประมาณ 30 บาทไทย
เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.
โอลด์ควอเตอร์ (Old Quarter Hanoi)
ย่านโอลด์ควอเตอร์ คือย่านเมืองเก่าในกรุงฮานอยที่มีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงความเป็นเวียดนามในแบบดั้งเดิมได้อย่างชัดเจน จะเรียกว่าเป็นจุดพบปะ พูดคุยของคนเวียดนามในตอนเย็นเลยก็ว่าได้ บางคนก็มาเดินเล่น เต้นแอโรบิค หรือวิ่งออกกำลังกาย และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ชอบมาเดินชมบรรยากาศความเก่าแก่ เพลิดเพลินไปกับการเดินช้อปปิ้งสินค้าราคาประหยัดตามถนน ที่มีทั้งร้านขายของฝาก ของที่ระลึก อาหาร จิปาถะ ที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านได้อีกด้วย
เจดีย์จัวเตริ่นกว็อก (Chua Tran Quoc)
ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโฮไตซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฮานอย เป็นเจดีย์สีแดงอมส้มสวยเด่นที่เก่าแก่ที่สุดในเวียดนาม ไล่ระดับขึ้นไปเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นมีพระพุทธรูปสีขาวประดิษฐานอยู่ในช่องรอบเจดีย์ และเป็นที่บรรจุอัฐิของพระที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ นักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่มาเดินเล่นที่ทะเลสาบก็ต้องแวะถ่ายรูปตัวเองที่มีเจดีย์แห่งนี้เป็นฉากหลัง เป็นอีกจุดสำคัญที่มาถึงฮานอยแล้วต้องหยุดเช็คอิน
โบสถ์เซนต์โยเซฟ (St. Joseph’s Cathedral)
มหาวิหารเซนต์โยเซฟนั้นตั้งอยู่บนถนนยาจุง นับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเเลนด์มาร์คที่สำคัญอีกเเห่งของเมืองหลวงเเห่งนี้ เเต่เดิมนั้นพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของเจดีย์บ่าวเทียน (BaoThien) ก่อนที่ฝรั่งเศสเมื่อเข้ามาปกครองเวียดนามเเล้วจะจัดการทำลายเจดีย์ทิ้งเเล้วสร้างโบสถ์เเห่งนี้ขึ้นมาเเทนที่ในศตวรรษที่ 19 โดยได้ต้นแบบมาจากมหาวิหารน็อทร์-ดาม (Notre-Dame de Paris) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากโบสถ์เซนต์โยเซฟอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบคืนดาบ จึงสามารถเดินมาถ่ายรูปเล่นหน้าโบสถ์และยังสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปด้านในได้อีกด้วย
ป้อมปราการจักรพรรดิแห่งทังลอง (Central Sector of the Imperial Citadel of Thang Long-Hanoi)
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในกรุงฮานอย เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด และเป็นสมบัติของราชวงศ์โฮ เป็นพระราชวังเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หลี เวียต (Ly Viet) เพื่อประกาศเอกราชของอาณาจักรด๋ายเวียต (Dai Viet) อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม เพราะเป็นราชวังหินแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน
ถนนรางรถไฟฮานอย (Train Railway Hanoi)
อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปเยือนของกรุงฮานอยนั่นก็คือ ถนนรางรถไฟเก่าฮานอย เป็นอีกธีมหนึ่งที่ถ่ายทอดความเป็นเมืองเก่าฮานอยได้เป็นอย่างดี เมื่อเราได้เดินถนนนี้จะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในระแวกนี้ เห็นตึก ประตู บานหน้าต่าง แม้กระทั่งจักรยานที่จอดอยู่ตามหน้าบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสวยงามแบบเก่าแก่ มีความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ครั้งหนึ่งที่ได้เดินอยู่บนถนนสายนี้ ก็ได้สัมผัสถึงความเป็นท้องถิ่นจริงๆของชาวเวียดนาม ได้ยินมาว่าวันหนึ่งจะมีรถไฟวิ่งผ่าน 1-2 ครั้งเท่านั้น หากใครที่มีเวลาแนะนำให้แบกกล้องมาเดินคะ รับรองว่าต้องได้รูปสวยๆหลากหลายมุมกลับไปอย่างแน่นอน
Bia Hoi Corner
อีกหนึ่งสถานที่สุดอิตในฮานอยที่อยากจะแนะนำให้คอเบียร์ทั้งหลายได้รู้จักกัน นั่นก็คือ Bia Hoi Corner แหล่งรวมวัยรุ่นฮานอยในยามค่ำคืน ทั้งซอยจะเต็มไปด้วยร้านเหล้าเบียร์ต่างๆมากมายหลายยี่ห้อให้เราได้เลือกลิ้มลอง ผู้คนคึกคัก ทั้งวัยรุ่นในพื้นที่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มารวมตัวกันโดยมิได้นัด แต่ทุกคนก็มีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือการมาพักผ่อน นั่งเก้าอี้พลาสติกเล็กๆตามมุมตึก มองผู้คนเดินผ่านไปมาใช้ชีวิตในยามค่ำคืน จิบเบียร์เย็นๆราคาไม่แพงแต่ก็เมาได้ เบียร์ฮอยราคาถูกมากแม้ว่ารสชาติจะออกจืดไปเสียหน่อย แต่โดยรวมทั้งบรรยากาศต่างๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ฮาลองเบย์ ( Ha Long Bay )
อีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเวียดนาม ฮาลองเบย์ หรือ อ่าวหะล็อง เป็นอ่าวที่มีเกาะหินปูนจำนวนหลายเกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายใน ตามประวัติอ่าวฮาลอง หมายถึงอ่าวที่มังกรโบราณเคยมาร่อนลงในอ่าวนี้เมืองครั้งดึกดำบรรพ์ มีความงดงามและสมบูรณ์ของอ่าวฮาลอง จนทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวแล้วจะต้องสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ได้แต่งแต้มด้วยเกาะหินปูนรูปร่างแปลกตานับพันเกาะ สลับซับซ้อน รวมกันเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม ยังมีตำนานพื้นบ้านที่กล่าวไว้ว่า เมื่อในอดีต ระหว่างที่ชาวเวียดนามกำลังถูกกองทัพชาวจีนรุกราน เทพเจ้าได้ส่งกองกำลังมังกรเข้ามาช่วยปกป้องแผ่นดินเวียดนาม มังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเล บริเวณที่เป็นอ่าวฮาลองในปัจจุบัน ทำให้มีอัญมณีและหยกพุ่งกระเด็นออกมากลายเป็นเกาะน้อยใหญ่ กระจายอยู่ทั่วอ่าวเป็นเกราะป้องกันผู้รุกราน ทำให้ชาวเวียดนามปกป้องแผ่นดินได้สำเร็จ และได้ก่อตั้งประเทศขึ้นมาเป็นเวียดนามในปัจจุบัน หากใครที่มีโอกาสมาเที่ยวเวียดนามไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคะ
Silk Queen Hotel (โรงแรม ซิลก์ควีน ฮานอย ) , ทริปล่องเรือสำราญที่ Ha Long Bay Vietnam , ของกินฮานอย ประเทศเวียดนาม , ฮานอย เวียดนาม รีวิวการเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยว